เคยเป็นกันมั้ยครับ? สถานการณ์ที่เหมือนจะดี... เรามีรถขับโก้ๆ ผ่อนไปเรื่อยๆ ชีวิตก็ดูลงตัว แต่แล้วจู่ๆ โชคชะตาก็เล่นตลก มีเรื่องด่วนให้ต้องใช้เงินก้อนแบบไม่ทันตั้งตัว! อาจจะเป็นค่าเทอมลูก ค่ารักษาพยาบาลคนในครอบครัว หรือมีโอกาสดีๆ ในการลงทุนเข้ามาแบบปุบปับ หันซ้ายหันขวาจะทำยังไงดี? ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดก็คือรถยนต์คันนี้แหละ แต่ปัญหามันอยู่ที่... มันยัง "ติดไฟแนนซ์" อยู่นี่สิ! เล่มทะเบียนก็อยู่ที่บริษัทไฟแนนซ์เก่า จะเอาไปทำอะไรได้ล่ะ? ใจเย็นๆ ก่อนครับ อย่าเพิ่งคิดว่าเจอทางตัน! สถานการณ์แบบนี้มีคนเจอเยอะมาก และมันมีทางออกที่ดีและปลอดภัยอยู่จริงครับ หลายคนพอเจอปัญหานี้ ก็จะรีบค้นหาคำว่า "สินเชื่อ รถยนต์ ติด ไฟแนนซ์" ในอินเทอร์เน็ตทันที วันนี้ เรา จะมาเป็นเพื่อนคู่คิดของคุณ ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แบบละเอียดที่สุดในสามโลก บอกเลยว่าไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเงินมาก่อนก็เข้าใจได้ อ่านจบปุ๊บ คุณจะเห็นภาพชัดเจนและรู้เลยว่าต้องเดินไปทางไหนต่อ!
ก่อนอื่นเลย "รถติดไฟแนนซ์" มันคืออะไรกันแน่?
เอาแบบภาษาชาวบ้านที่สุดเลยนะครับ คำว่า "รถติดไฟแนนซ์" ก็หมายถึง "รถที่ยังผ่อนไม่หมด" นั่นแหละครับ ตอนที่เราซื้อรถมา (ไม่ว่าจะป้ายแดงหรือมือสอง) ส่วนใหญ่เราจะกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ไฟแนนซ์" มาจ่ายค่ารถใช่ไหมครับ? ในทางกฎหมายแล้ว กรรมสิทธิ์ของรถคันนั้นจะยังไม่ใช่ของเรา 100% จนกว่าเราจะผ่อนหมดงวดสุดท้าย เอกสารที่สำคัญที่สุดอย่าง "เล่มทะเบียนรถยนต์ตัวจริง" จะถูกเก็บไว้ที่บริษัทไฟแนนซ์แห่งแรกที่เราไปกู้มานั่นเอง เราในฐานะคนผ่อน จะมีแค่สำเนาเก็บไว้ใช้งานเฉยๆ ดังนั้น การที่ "รถติดไฟแนนซ์" ก็คือสภาวะที่เรายังเป็นหนี้ค่ารถกับไฟแนนซ์เจ้าเก่าอยู่ และเล่มทะเบียนตัวจริงก็ยังอยู่ที่เขานั่นเอง นี่คือสาเหตุที่ทำให้หลายคนคิดว่า "ฉันจะเอาไปขอสินเชื่อใหม่ได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเล่มทะเบียน?" ซึ่งนั่นคือจุดที่เราจะมาหาทางออกกันในหัวข้อต่อไปนี่แหละครับ!ทางออก สินเชื่อ รถยนต์ ติด ไฟแนนซ์ ที่ดีที่สุด: รู้จักกับพระเอกที่ชื่อ "รีไฟแนนซ์"
เมื่อรถของเรายังติดไฟแนนซ์อยู่ แต่ต้องการเงินก้อนเพิ่ม ทางออกที่ถูกต้อง ปลอดภัย และนิยมทำกันมากที่สุดก็คือการ "รีไฟแนนซ์ (Refinance)" ครับ คำว่า "รีไฟแนนซ์" อาจจะฟังดูยาก แต่คอนเซ็ปต์ของมันง่ายมากๆ ครับ เราจะอธิบายให้เห็นภาพเหมือนการ "ย้ายค่ายมือถือ" เลย ลองนึกภาพตามนะครับ ตอนนี้คุณใช้โปรมือถือของค่าย A อยู่ แต่ค่าย B ออกโปรใหม่ที่ดีกว่า คุณก็เลยทำเรื่อง "ย้ายค่าย" ไปอยู่กับค่าย B โดยที่ค่าย B จะเข้ามาจัดการเรื่องโอนย้ายให้หมด แล้วคุณก็ได้ใช้โปรใหม่ที่ดีกว่าเดิม การรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็เหมือนกันเป๊ะ! มันคือการที่เราไปหา "ไฟแนนซ์เจ้าใหม่" ที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า แล้วให้ไฟแนนซ์เจ้าใหม่เนี่ย เอาเงินไปจ่ายปิดหนี้ทั้งหมดที่เรามีอยู่กับ "ไฟแนนซ์เจ้าเก่า" ซะ จากนั้นเราก็ย้ายมาผ่อนกับไฟแนนซ์เจ้าใหม่แค่ที่เดียว แล้วมันจะช่วยให้เราได้เงินก้อนออกมาได้ยังไง? การรีไฟแนนซ์มันมีเป้าหมายหลักๆ อยู่ 2 แบบครับ 1. รีไฟแนนซ์เพื่อ "ลดค่างวด" (ผ่อนสบายขึ้น) แบบนี้คือการย้ายไปหาไฟแนนซ์เจ้าใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยถูกลง ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนของเราลดลงได้ เหมาะกับคนที่เริ่มรู้สึกว่าค่างวดเดิมมันตึงเกินไป อยากหายใจให้คล่องขึ้น 2. รีไฟแนนซ์ "แบบมีเงินทอน" (นี่แหละคือสิ่งที่เราตามหา!) นี่คือพระเอกตัวจริงสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อนครับ! วิธีนี้จะทำได้ก็ต่อเมื่อ "มูลค่ารถของเราในปัจจุบัน สูงกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่" เราจะยกตัวอย่างเป็นตัวเลขให้ดูชัดๆ เลยนะครับ- สมมติว่า... ตอนนี้รถกระบะของคุณมีราคาตลาด (ราคาที่เขาซื้อขายกัน) อยู่ที่ประมาณ 500,000 บาท
- คุณเช็กยอดหนี้ที่ยังค้างกับไฟแนนซ์เจ้าเก่า ปรากฏว่าเหลือหนี้อยู่ 200,000 บาท
- แปลว่ารถของคุณมี "มูลค่าส่วนต่าง" หรือ "เงินทอน" ซ่อนอยู่ถึง 300,000 บาท! (500,000 - 200,000)
- ไฟแนนซ์เจ้าใหม่จะเอาเงิน 200,000 บาทจากยอด 400,000 ไปจ่ายปิดหนี้ให้ไฟแนนซ์เจ้าเก่าของคุณจนหมด
- หนี้เก่าของคุณจะกลายเป็นศูนย์ทันที! และเล่มทะเบียนจะถูกโอนย้ายมาอยู่ที่ไฟแนนซ์เจ้าใหม่
- เงินส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาท (400,000 - 200,000) ก็จะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณเต็มๆ! นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า "เงินทอน"
ใครบ้างที่จะรีไฟแนนซ์ได้? มาเช็กคุณสมบัติกัน!
ฟังดูดีใช่มั้ยครับ? แต่ก็ไม่ใช่ว่ารถทุกคันหรือทุกคนจะทำได้ทันทีนะ มันก็มีเงื่อนไขอยู่บ้าง มาลองเช็กกันดูดีกว่าว่าเรากับรถของเราผ่านเกณฑ์เบื้องต้นรึเปล่า คุณสมบัติของ "รถยนต์"- ผ่อนมาแล้วเกินครึ่งทาง: ส่วนใหญ่ไฟแนนซ์จะชอบรถที่ผ่อนมาแล้วอย่างน้อย 50% ของจำนวนงวดทั้งหมด เพราะมันแสดงว่ามูลค่ารถน่าจะสูงกว่ายอดหนี้ที่เหลืออยู่ และเราก็มีวินัยในการผ่อนที่ดี
- อายุรถไม่เยอะเกินไป: โดยทั่วไปแล้วอายุรถเมื่อรวมกับระยะเวลาผ่อนใหม่แล้วไม่ควรเกิน 20-25 ปี (แล้วแต่นโยบายของแต่ละที่)
- สภาพรถยังดี: รถควรจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ไม่ได้ผ่านการชนหนักหรือดัดแปลงสภาพมาจนเละเทะ
- เป็นรถตลาด: รถรุ่นที่คนนิยมใช้กันทั่วไป เช่น Toyota, Honda, Isuzu จะประเมินราคาได้ง่ายและได้ราคาสูงกว่ารถรุ่นแปลกๆ ที่หาคนซื้อยาก
- ประวัติการผ่อนดี: ในช่วงที่ผ่านมา เราไม่ควรมีประวัติค้างค่างวดกับไฟแนนซ์เจ้าเก่าบ่อยๆ เพราะมันแสดงถึงความเสี่ยง
- มีรายได้ที่ตรวจสอบได้: ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ, พ่อค้าแม่ค้า, หรือฟรีแลนซ์ ก็ควรจะสามารถแสดงที่มาของรายได้ได้ เพื่อให้ไฟแนนซ์เจ้าใหม่มั่นใจว่าเราจะผ่อนไหว
- ไม่ติดเครดิตบูโรที่ร้ายแรง: แม้ว่าไฟแนนซ์กลุ่ม Non-Bank จะมีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้ามีประวัติหนี้เสียเยอะๆ ก็อาจจะยากหน่อยครับ
คู่มือ Step-by-Step! ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์รถยนต์ติดไฟแนนซ์
เอาล่ะ พอเช็กแล้วว่าเราน่าจะผ่านฉลุย ก็มาถึงขั้นตอนลงมือทำกันเลย! เราสรุปมาให้เป็นขั้นตอนง่ายๆ ทำตามได้เลยครับ Step 1: ทำการบ้านก่อนเลย สิ่งแรกที่ต้องรู้คือข้อมูลของตัวเองครับ โทรไปถามไฟแนนซ์เจ้าเก่าเลยว่า "ตอนนี้เหลือยอดหนี้ที่ต้องปิดเท่าไหร่?" และ "สัญญาเก่าเราดอกเบี้ยเท่าไหร่?" จดตัวเลขนี้ไว้ให้ดี Step 2: เช็กราคากลางรถของเรา เข้าไปตามเว็บไซต์ขายรถมือสองดังๆ แล้วลองค้นหารถรุ่นเดียวกับเรา ปีเดียวกัน สภาพใกล้ๆ กัน เพื่อดูว่าตอนนี้เขาซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณเท่าไหร่ เราจะได้รู้คร่าวๆ ว่ารถเรามีมูลค่าส่วนต่างซ่อนอยู่มั้ย Step 3: ตามหาไฟแนนซ์เจ้าใหม่ มองหาผู้ให้บริการรีไฟแนนซ์เลยครับ ซึ่งก็มีทั้งทีมธนาคาร (KKP, TISCO, ttb) และทีม Non-Bank (ศรีสวัสดิ์, เงินติดล้อ ฯลฯ) ลองติดต่อสอบถามไปหลายๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอว่าที่ไหนให้วงเงินดีที่สุด ดอกเบี้ยโอเคที่สุด Step 4: เตรียมเอกสารให้พร้อม เอกสารหลักๆ ที่ต้องใช้ก็จะคล้ายๆ กันทุกที่ครับ- บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน
- สำเนาเล่มทะเบียนรถ (อันนี้ขอจากไฟแนนซ์เก่าได้)
- สัญญาเช่าซื้อฉบับปัจจุบัน (สัญญาที่ทำไว้กับที่เก่า)
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน, Statement
เรื่องสำคัญมาก! ทางเลือกอันตรายที่ต้อง "หนีให้ไกล"
ในตอนที่เรากำลังร้อนเงิน อาจจะมีทางเลือกบางอย่างโผล่เข้ามาเสนอตัว ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะง่ายและเร็ว แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายมาก เราขอเตือนไว้ตรงนี้เลยว่าห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด! นั่นก็คือ "การจำนำรถแบบจอด" หรือ "รับจำนำรถติดไฟแนนซ์" พวกนี้คือกลุ่มนายทุนนอกระบบที่มักจะโฆษณาว่า "ติดไฟแนนซ์อยู่ก็กู้ได้ รับเงินสดทันที" แต่เงื่อนไขของเขาคือ "เราต้องเอารถไปจอดทิ้งไว้กับเขา" จนกว่าจะมีเงินไปไถ่ถอนคืน ข้อเสียร้ายแรงของมันคือ:- คุณจะไม่มีรถใช้: กระทบกับการเดินทางและการทำงานทันที
- ดอกเบี้ยโหดมาก: เป็นดอกเบี้ยนอกระบบที่แพงมหาศาล
- เสี่ยงต่อการถูกยึดรถถาวร: หากคุณจ่ายช้าแม้แต่นิดเดียว เขาสามารถยึดรถของคุณไปขายทอดตลาดได้เลย และคุณจะเสียรถไปฟรีๆ ทั้งที่ยังต้องผ่อนกุญแจกับไฟแนนซ์ที่ถูกกฎหมายอยู่!